พ่อของฉัน
พ่อของฉันไม่ใช่คนดีเลิศ
ไม่ใช่คนที่ร่ำรวย
เป็นแค่ชาวนาจนๆคนหนึ่ง
ซึ่งกลับตัวมาเป็นคนดี
หลังจากที่แต่ก่อนสมัยหนุ่มๆ
ผู้ใหญ่หลายๆคนเรียกท่านว่า “ไอ้นักเลงหัวไม้”
เพราะเพื่อนของพ่อแต่ละคน
ดีๆทั้งนั้น
มีทั้งปืน มีดสั้น มีดยาว หรือบางครั้ง อาวุธอะไรที่ไม่คิดว่าจะมีอยู่
เพื่อนของพ่อมีหมดเกือบทุกอย่าง
พ่อของฉันเองก็เกือบพลาดพลั้งฆ่าคนตายมาแล้วครั้งหนึ่ง
แต่ดีอยู่อย่างหนึ่งที่
วันนั้นไม่รู้อะไรโดนใจ
ให้พวกป้าๆน้าๆของท่านมาเตือนสติท่านไว้ทันเสียก่อน
ที่ท่านจะทำอะไรผิดพลาดในชีวิตลงไป
แต่ถึงจะเป็นนักเลงหัวไม้ยังไง
พ่อของฉันก็ยังคงมีความเป็นลูกที่ดี
เพราะปู่ของฉันหรือพ่อของพ่อนั่นแหละ
มีอาการทางจิตป่วยเป็นโรคประสาท
หรือภาษาชาวบ้านๆเรียกว่าเป็นผีบ้านั่นเอง
บางวันคุ้มดีก็ลุกขึ้นมานั่งสีซอ ร้องเพลง ทั้งๆที่มีโซ่ล่ามอยู่ที่ขาติดกับเสาบ้านไว้
เพราะกลัวว่าวันไหนถ้าท่านคุ้มร้ายขึ้นมา
จะลุกขึ้นมาอาละวาดทำลายข้าวของ
ดีไม่ดีวิ่งออกไปนอกถนนอาจจะทำร้ายคนอื่นหรือโดนรถชนเสียก่อน
ในบรรดาพี่น้องของพ่อทั้งหมด 12 คน ไม่มีใครที่จะเข้าหาปู่ได้เลย
มีแค่พ่อของฉันคนเดียวเท่านั้น
ที่ต้องคอยเอาข้าว เอาน้ำไปให้ปู่
ถ้าเป็นคนอื่น
รับรองได้
ปู่อาละวาดทันทีที่เห็น
แล้วสมัยนั้นมีอะไรที่จะสบายอย่าสมัยนี้บ้าง
คนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ
ทำไร่ข้าวโพด ทำนา
แล้วยิ่งปู่กับย่ามีลูกถึง12 คน
การดำเนินชีวิตก็ยิ่งต้องลำบากตามไปด้วย
ทั้งการเรียนของพ่อก็ต้องออกตั้งแต่เรียนจบชั้นป.4
เพราะพ่อเป็นลูกคนที่3
ต้องออกมาช่วยย่าทำไร่ข้าวโพด
เลี้ยงน้องๆต่อ
แต่ถึงจะมีพี่น้องมาก พี่น้องทั้ง12 กลับไม่เคยทะเลาะกันสักครั้ง
ต่างกับสมัยนี้นัก
มีกันแค่ 2 คนก็ทะเลาะกันจะเป็นจะตาย
แถมพี่น้องของพ่อที่เป็นผู้ชายยังทำกับข้าวเก่งๆกันทั้งนั้น
นอกจากนี้แล้ว
พ่อของฉันก็ยังเป็นที่รักของคุณทวด
เพราะนอกจากทำไร่แล้ว
พ่อยังชอบตามคุณทวดไป
เลี้ยงช้าง เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย กลางทุ่งนาสมัยก่อน
ลืมบอกไปคุณทวดเองก็เคยเป็นนักเลงมาก่อนเช่นกัน
555 แต่ถึงท่านจะเป็นนักเลงก็เป็นนักเลงที่ทำมาหากิน
และเป็นคนมีน้ำใจ ชาวบ้านแถวๆนั้นรักและเคารพท่านทุกคน
แล้วท่านก็นำเอาประสบการณ์จากการเป็นนักเลงนี่แหละมาเล่าให้พ่อฟัง
แล้วก็นำข้อดีหลายอย่างที่ตนพบเห็นระหว่างนั้นมาประกอบการเลี้ยงชีพ
จนปัจจุบันนี้ที่นาของคุณทวดมีมากเกือบที่สุดในท้องนาแถวบ้านก็ว่าได้
แต่ตั้งแต่ท่านสิ้นไป
ลูกๆหลานๆของท่านก็นำที่ดินที่ทวดให้มาขายต่อจนเหลือไม่มากเท่าแต่ก่อนแล้ว
นับได้ว่าพ่อของฉันเติบโตมากับคุณทวดซะมากกว่าคนอื่นๆจึงถ่ายทอดนิสัยมาจากคุณทวดเต็มๆ
ทั้งนิสัยนักเลง
รักเพื่อน พวกพ้อง ใจดี มีน้ำใจ แม้กระทั่งภาวะความเป็นผู้นำ
เพราะพ่อมักจะได้รับเลือกให้เป็นคณะกรรมการ หรือประธานกลุ่ม หัวหน้ากลุ่ม อะไรหลายๆอย่างที่ชาวบ้านตั้งขึ้น แต่ฉันขอพ่ออย่างหนึ่งคืออะไรที่เกี่ยวกับการเมือง
ฉันขอไม่ให้พ่อลง
แม้กระทั่ง อบต. ผู้ใหญ่บ้าน
เพราะฉันไม่อยากให้พ่อไปอยู่ในวังวลเหล่านั้น
ฉันยังอยากเห็นพ่อมีความสุขในท้องไร่ ท้องนามากกว่า รอยแห่งความเครียด
อาจจะดูเหมือนฉันเห็นแก่ตัวที่ทำเช่นนี้
แต่ฉันเชื่อว่าไม่มีพ่อก็ยังมีอีกหลายๆคนที่ทำได้
โดยเฉพาะคนที่ยังหนุ่ม สาว
ฉันอยากให้พ่อพัก
ทุกวันนี้ฉันยังรู้สึกสงสารท่านทุกครั้ง
ที่เห็นท่านเหน็ดเหนื่อยจากการหาเงิน
ตากแดดทำนา ทำไร่
ฉันจึงต้องรีบเรียนหนังสือให้จบไวๆ
เพื่อที่จะได้มีงานดีๆทำ
หาเงินมาเลี้ยงท่านให้ท่านได้พักอย่างเต็มตัวเสียที
แม้ว่าคนอื่นหลายๆคนจะไม่ค่อยเห็นด้วยในทางที่ฉันเลือกนัก
แต่ฉันไม่แคร์เพราะคนเหล่านั้น
ไม่ใช่คนที่เหนื่อยเลี้ยงดูฉัน เหน็ดเหนื่อย เท่าพ่อกับแม่ฉัน
ทุกวันนี้ฉันพูดได้เต็มปากว่าฉันรักพ่อกับแม่มากที่สุด
เพราะถ้าไม่มีท่านก็ไม่มีฉันในวันนี้
เพราะฉันเคยคิดที่อยากจะเป็นคนไม่ตั้งใจเรียน
อยากจะทำอะไรไม่ดีหลายๆอย่าง
ที่หลายๆคนไม่คิดว่าฉันคงไม่ทำ
ฉันอยากทำแต่ฉันกลัว
กลัวว่าพ่อกับแม่จะเสียใจ
กลัวว่าท่านจะทำงานเหนื่อยเปล่า
สุดท้ายฉันถึงตัดสินใจไม่ทำลงไป
ท่านอาจจะไม่ร่ำรวย
อาจจะไม่เคยกอดฉัน
ไม่เคยพูดอะไรที่เป็นกำลังใจให้ฉัน
แต่ฉันกลับรับรู้ได้จากการกระทำของท่านหลายๆอย่าง
ทั้งตอนที่ฉันร้องไห้
ท่านนั่งอยู่ข้างๆ
ไม่มีการปลอบใจ
ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมา
แต่ฉันกลับรู้สึกอุ่นใจ
ที่เวลานั้นมีท่านนั่งอยู่ข้างๆ
หรือแม้กระทั่งเวลาที่จะไปไหนไกลๆ
แค่บอกท่านคำเดียวท่านไปส่งทันทีทั้งๆที่กำลังติดภารกิจอยู่
หรืออีกทีตอนที่ฉันไม่มีเงินจ่ายค่าลงทะเบียนเรียนหนังสือ
ท่านรีบวิ่งไปขอยืมจากคนอื่นทันที
อย่างไม่กลัวเสียศักดิ์ศรี
นี่ล่ะมั้ง คือสิ่งที่หล่อหลอมฉันในวันนี้ให้ทำดี
และตามรอยพ่อเข้าไว้
พ่อคือไอดอลที่ดีที่สุดของฉัน
และฉันรักพ่อมากที่สุด
เด็กไฮเปอร์